สิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำ เมื่อถูกวินิจฉัยว่าเป็นกรดไหลย้อน

สิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำ เมื่อถูกวินิจฉัยว่าเป็นกรดไหลย้อน

สิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำ เมื่อถูกวินิจฉัยว่าเป็นกรดไหลย้อน

กรดไหลย้อน เป็นโรคที่หลายคนอาจเคยประสบ หรืออาจมีคนใกล้ตัวที่ต้องเผชิญกับอาการนี้ ซึ่งมีอาการหลักคือแรงดันที่หน้าอก ไอเรื้อรัง และความรู้สึกไม่สบายในท้อง คราวนี้เรามาดูกันว่า เมื่อได้วินิจฉัยว่าเป็นกรดไหลย้อนแล้ว ควรทำอะไรและไม่ควรทำบ้าง

ควรทำ

  1. ปรับเปลี่ยนการรับประทานอาหาร
    หลีกเลี่ยงอาหารที่กระตุ้นให้เกิดกรดไหลย้อน เช่น อาหารเผ็ด มัน หรือกรด เช่น มะนาว และกาแฟ และควรกินอาหารที่มีไฟเบอร์สูง เช่น ผักและผลไม้

  2. รับประทานอาหารเป็นมื้อเล็ก ๆ
    การแบ่งอาหารออกเป็นมื้อเล็ก ๆ จะช่วยลดความดันในกระเพาะ ไม่ให้กรดไหลย้อนขึ้นมาที่หลอดอาหารได้ง่าย

  3. รักษาน้ำหนักตัวให้เหมาะสม
    น้ำหนักตัวที่มากเกินไปอาจเพิ่มแรงดันในท้อง ดังนั้นควรมีการดูแลรักษาน้ำหนักให้เหมาะสม

  4. นอนให้ถูกท่า
    ควรนอนยกหัวสูงขึ้นประมาณ 15-20 เซนติเมตร เพื่อช่วยให้กรดไม่ไหลย้อนขึ้นขณะนอน

  5. พบแพทย์ตามนัด
    ควรทำตามคำแนะนำและพบแพทย์ตามนัดเพื่อให้ตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ

    ไม่ควรทำ

  6. ไม่ควรนอนหลับหลังรับประทานอาหาร
    การนอนทันทีหลังจากการรับประทานอาหารอาจเพิ่มโอกาสให้กรดไหลย้อนขึ้นมาได้ง่ายกว่า

  7. หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์
    สารเหล่านี้สามารถทำให้กรดไหลย้อนรุนแรงขึ้น ควรหลีกเลี่ยงโดยเด็ดขาด

  8. ไม่ควรกินอาหารที่มีไขมันสูง
    อาหารประเภทฟาสต์ฟู้ด หรืออาหารที่มีไขมันสูงทำให้กระเพาะต้องผลิตกรดมากขึ้น ควรหลีกเลี่ยง

  9. ไม่มีการใช้ยาสลบหรือยาที่ไม่แนะนำจากแพทย์
    ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาแก้ปวดหรือยาลดกรดโดยไม่ปรึกษาแพทย์ เพราะอาจเพิ่มอาการได้

  10. หลีกเลี่ยงความเครียด
    ความเครียดสามารถกระตุ้นให้มีกรดในกระเพาะมากขึ้น ควรหาวิธีจัดการกับความเครียด เช่น การทำสมาธิ หรือการออกกำลังกาย

    สรุป

กรดไหลย้อนอาจเป็นเรื่องที่น่ารำคาญและสร้างความไม่สะดวก แต่การปรับตัวและการดูแลตัวเองสามารถช่วยลดอาการได้อย่างมาก การทำตามคำแนะนำที่ถูกต้องจะทำให้คุณใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากขึ้น อย่าลืมที่จะปรึกษาแพทย์เพื่อรับข้อมูลและคำแนะนำที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณนะคะ!