สิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำ เมื่อถูกวินิจฉัยว่าเป็นกรดไหลย้อน
กรดไหลย้อน เป็นโรคที่หลายคนอาจเคยประสบ หรืออาจมีคนใกล้ตัวที่ต้องเผชิญกับอาการนี้ ซึ่งมีอาการหลักคือแรงดันที่หน้าอก ไอเรื้อรัง และความรู้สึกไม่สบายในท้อง คราวนี้เรามาดูกันว่า เมื่อได้วินิจฉัยว่าเป็นกรดไหลย้อนแล้ว ควรทำอะไรและไม่ควรทำบ้าง
ควรทำ
-
ปรับเปลี่ยนการรับประทานอาหาร
หลีกเลี่ยงอาหารที่กระตุ้นให้เกิดกรดไหลย้อน เช่น อาหารเผ็ด มัน หรือกรด เช่น มะนาว และกาแฟ และควรกินอาหารที่มีไฟเบอร์สูง เช่น ผักและผลไม้ -
รับประทานอาหารเป็นมื้อเล็ก ๆ
การแบ่งอาหารออกเป็นมื้อเล็ก ๆ จะช่วยลดความดันในกระเพาะ ไม่ให้กรดไหลย้อนขึ้นมาที่หลอดอาหารได้ง่าย -
รักษาน้ำหนักตัวให้เหมาะสม
น้ำหนักตัวที่มากเกินไปอาจเพิ่มแรงดันในท้อง ดังนั้นควรมีการดูแลรักษาน้ำหนักให้เหมาะสม -
นอนให้ถูกท่า
ควรนอนยกหัวสูงขึ้นประมาณ 15-20 เซนติเมตร เพื่อช่วยให้กรดไม่ไหลย้อนขึ้นขณะนอน -
พบแพทย์ตามนัด
ควรทำตามคำแนะนำและพบแพทย์ตามนัดเพื่อให้ตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอไม่ควรทำ
-
ไม่ควรนอนหลับหลังรับประทานอาหาร
การนอนทันทีหลังจากการรับประทานอาหารอาจเพิ่มโอกาสให้กรดไหลย้อนขึ้นมาได้ง่ายกว่า -
หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์
สารเหล่านี้สามารถทำให้กรดไหลย้อนรุนแรงขึ้น ควรหลีกเลี่ยงโดยเด็ดขาด -
ไม่ควรกินอาหารที่มีไขมันสูง
อาหารประเภทฟาสต์ฟู้ด หรืออาหารที่มีไขมันสูงทำให้กระเพาะต้องผลิตกรดมากขึ้น ควรหลีกเลี่ยง -
ไม่มีการใช้ยาสลบหรือยาที่ไม่แนะนำจากแพทย์
ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาแก้ปวดหรือยาลดกรดโดยไม่ปรึกษาแพทย์ เพราะอาจเพิ่มอาการได้ -
หลีกเลี่ยงความเครียด
ความเครียดสามารถกระตุ้นให้มีกรดในกระเพาะมากขึ้น ควรหาวิธีจัดการกับความเครียด เช่น การทำสมาธิ หรือการออกกำลังกายสรุป
กรดไหลย้อนอาจเป็นเรื่องที่น่ารำคาญและสร้างความไม่สะดวก แต่การปรับตัวและการดูแลตัวเองสามารถช่วยลดอาการได้อย่างมาก การทำตามคำแนะนำที่ถูกต้องจะทำให้คุณใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากขึ้น อย่าลืมที่จะปรึกษาแพทย์เพื่อรับข้อมูลและคำแนะนำที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณนะคะ!